ความหมายของลิตคอยน์
(LTC or Ł) คืออินเตอร์เนตคริปโทเคอร์เรนซีที่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแบบ “peer-to-peer"
และโปรเจคการเปิดซอฟต์แวร์ที่ที่ถูกปล่อยออกมาภายใต้ใบอนุญาต MIT/X11
มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งจ่ายเงินได้โดยทันทีด้วยราคาที่ใกล้เลขศูนย์จากผู้ใช้คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งบนโลก
และด้วยที่มีแรงบันดาลใจมาจากบิตคอยน์ ลิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นโดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งของ Google ที่มีชื่อว่า Charlie Lee โดยตัวเหรียญมีการปฏิบัติการหลักที่คล้ายคลึงกันกับบิตคอยน์
ในขั้นตอนกระบวนการและการโอนของลิตคอยน์นั้นขึ้นอยู่กับการเปิดแหล่งข้อมูลของสนธิสัญญาการเข้ารหัสที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยอำนาจส่วนกลางใดๆทั้งสิ้น แต่แทนที่จะเข้ามาแทนที่บิตคอยน์
ลิตคอยน์นั้นถูกใช้ในการพัฒนาและการส่งเสริมเช่นเดียวกับแร่เงินกับแร่ทองคำ ในปัจจุบัน LTC สามารถถูกถ่ายโอนเป็นเงินกระดาษ เหรียญ BTC, ETH
และค่าเงินอื่นๆในสกุลเงินดิจิตัลในการแลกเปลี่ยนคริปโตได้ เมื่อเทียบกับบิตคอยน์
ฟีเจอร์ของลิตคอยน์ทำให้การยืนยันของธุรกรรมรวดเร็วขึ้น
ปริมาณการเทรดมากขึ้นและมีพื้นที่การเก็บที่มีประสิทธิภาพ
ด้วยห่วงโซ่อุสาหกรรมที่สมบูรณ์และสภาพคล่องแล้วก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าถือเป็นระบบการค้าทางการเงินที่ปลอดภัยและมั่นคงอีกทางหนึ่ง
เมื่อเทียบกับบิตคอยน์แล้ว ลิตคอยน์ใช้เวลาในการยืนยันการทำธุรกรรมที่รวดเร็วกว่า
มีปริมาณการเทรดมากกว่าและเก็บข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
และด้วยห่วงโซ่อุสาหกรรมทั้งหมดและความคล่องตัวที่ยั่งยืน
มันก็ถูกพิสูจน์ได้ว่าเป็นระบบโฆษณาทางการเงินที่มั่นคงและปลอดภัย
2. บิตคอยน์ Vs ลิตคอยน์
ยึดตามรหัสที่มีแหล่งข้อมูลเปิดและในฐานะของ “การพัฒนา” ของบิตคอยน์
ลิตคอยน์มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดถึง 3 ประการด้วยกัน
1.ในระบบของลิตคอยน์ มันต้องใช้ 2.5 นาทีซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการที่จะสร้างบล็อกหนึ่งบล็อก1 ในขณะที่บิตคอยน์ใช้ถึง 10 นาที1 นั่นหมายความว่าลิตคอยน์สามารถยืนยันการทำธุรกรรมได้รวดเร็วกว่ามากและผู้ใช้งานก็สามารถโอนเงินได้รวดเร็วกว่า
2. ลิตคอยน์มีการคาดไว้ว่าจะผลิตเหรียญรวมได้มากถึง 84 ล้านโทเคน ในขณะที่บิตคอยน์มีเพียง 21
ล้าน บอกได้ชัดว่า LTC นั้นสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายและมีสภาพคล่อง
3. Proof-of-Work ของลิตคอยน์ใช้การเข้ารหัสแบบ Scrypt encryption algorithm
ซึ่งเดิมทีนำเสนอโดย Colin Percival มันทำให้ระบบของการขุดลิตคอยน์นั้นง่ายกว่าระบบของบิตคอยน์
(ก่อนที่เครื่องขุด ASIC จะถือกำเนิดขึ้นมา)